ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก จึงต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาครอบครัว กฎหมายไทยจึงกำหนดสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ตามกฎหมายครอบครัวไว้ รวมทั้งแนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อมีข้อพิพาทในครอบครัวเกิดขึ้น ย่อมเป็นเรื่องที่ยากและสะเทือนอารมณ์ ซึ่งเมื่อมีวิกฤตการณ์ของชีวิตสมรสที่ทุกคู่พยายามจะหลีกเลี่ยงมาถึง จนนำไปสู่การขัดแย้งในประเด็นทางกฎหมาย การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางกฎหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
กฎหมายครอบครัว ได้แก่ การสมรส การแยกกันอยู่ตามกฎหมาย การหย่าร้างทั้งแบบโต้แย้งและไม่มีการโต้แย้ง ในประเทศและต่างประเทศ การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม การต่อสู้แย่งชิงการดูแลของผู้ปกครอง และอื่นๆ อีกมากมาย
บริษัท พี.เจ. แอคเคาท์ติ้ง แอนด์ ลอว์เฟิร์ม จำกัด แผนกกฎหมายครอบครัวของเราให้บริการเกี่ยวกับกฎหมายครอบครัวไทย และมีความเชี่ยวชาญในประเด็นต่อไปนี้
การจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย
หากต้องการจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ คู่สมรสจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1. ชายหรือหญิงมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ กรณีมีเหตุอันสมควร ศาลไทยอาจอนุญาตให้ทําการสมรสก่อนที่ชายและหญิงมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ได้
2. ชายหรือหญิงไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
3. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะทําการสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
4. ชายหรือหญิงจะทําการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้
5. ทั้งสองฝ่ายจะต้องยินยอมที่จะสมรสกัน
สำหรับคนไทย เอกสารที่จำเป็นที่ต้องแสดงเพื่อจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยมีดังนี้
1.บัตรประจำตัวประชาชนไทย
2. ทะเบียนบ้าน
3. กรณีเคยสมรสมาก่อน ต้องมีคำสั่งศาลและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ให้หย่าหรือใบมรณะบัตร
สำหรับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย เอกสารที่จำเป็นมีดังนี้
1. หนังสือเดินทางต้นฉบับ
2. ใบรับรองสถานะโสดที่ได้รับจากสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศต้นทาง ในประเทศไทย
3. สำเนาหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวที่รับรองสำเนาถูกต้องโดยสถานทูต สถานกงสุล หรือ Notary Public ของไทย
4. กรณีเคยสมรสมาก่อน ต้องมีใบหย่าหรือใบมรณะบัตรของอดีตคู่สมรส
การจดทะเบียนรับรองบุตร
บิดามารดาของเด็กเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาแต่เพียงฝ่ายเดียว หากบิดาประสงค์จะให้บุตรของตนเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถดำเนินการได้ 3 วิธี คือ
1. บิดามารดาได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
2. บิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตร
3. ศาลได้พิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา
กรณีขอจดทะเบียนรับรองบตุร
สำหรับคนไทย เอกสารที่จำเป็นในการจดทะเบียนรับรองบุตรในประเทศไทยมีดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้อง และของบิดามารดาผู้ร้องและพยาน
2. หนังสือยินยอม กรณีฝ่ายมารดาหรือเด็กไม่สามารถมาให้ความยินยอมด้วยตนเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่
3. คำสั่งศาลและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถให้ความยินยอมได้
4. พยานบุคคล จำนวน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรู้ในเรื่องความสมัครใจยินยอมของฝ่ายบิดา มารดา และบุตรในการจดทะเบียนรับรองบุตร
สำหรับชาวต่างชาติ เอกสารที่จำเป็นในการจดทะเบียนรับรองบุตรในประเทศไทยมีดังนี้
1. หนังสือเดินทาง หรือ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือ เอกสารราชการอื่นที่สามารถใช้แสดงตัวบุคคลได้ ของผู้ร้อง และของผู้ให้ความยินยอม และของพยาน โดยผ่านการรับรองจากสถานทูต สถานกงสุล หรือ Notary Public ของไทย
2. หนังสือยินยอม กรณีฝ่ายมารดาหรือเด็กไม่สามารถมาให้ความยินยอมด้วยตนเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่
3. คำสั่งศาลและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถให้ความยินยอมได้
4. พยานบุคคล จำนวน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรู้ในเรื่องความสมัครใจยินยอมของฝ่ายบิดา มารดา และบุตรในการจดทะเบียนรับรองบุตร
กรณีฟ้องขอให้ศาลรับรองว่าเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา