การประกอบธุรกิจโดยปกติแล้วย่อมมีการแข่งขันสูง แต่ละธุรกิจจึงจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าหรือบริการของตนกับสินค้าหรือบริการของคู่แข่ง นอกจากนั้นแล้วเครื่องหมายการค้าเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญ ที่จะสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่หน้าจดจำให้แก่สินค้าหรือบริการ และหากเครื่องหมายการค้ามีการเพิ่มมูลค่ามากก็จะกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้า
เจ้าของเครื่องหมายการค้า จะได้รับการคุ้มครองโดยการจดทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาภายหลังจากได้มีการ ตรวจสอบแล้วว่าไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ก่อนหน้าแล้ว
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าจะทำ ให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าได้สิทธิในการป้องกันผู้อื่นจากการทำการตลาดในสินค้าหรือบริการในชนิดหรือประเภทเดียวกัน โดยใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกันจนทำให้เกิดความสับสน หลงผิด ซึ่งจะส่งผลถึงรายได้ขององค์กร และอาจรวมถึงชื่อเสียงและภาพพจน์ด้วย
นอกจากนี้ เนื่องจากการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าจะยึดหลักพรมแดน คือ จดทะเบียนที่ประเทศใดก็จะคุ้มครองเฉพาะในประเทศนั้น ดังนั้น องค์กรธุรกิจที่ประสงค์จะส่งสินค้าออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศโดยใช้เครื่องหมายการค้าเดียวกับที่จะจดทะเบียนในประเทศไทย ก็ควรพิจารณาตรวจค้นข้อมูลด้วยว่าในประเทศเป้าหมายนั้นมีเครื่องหมายการค้าใดที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่จะจดทะเบียนหรือไม่ เพื่อไม่ให้เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าดังกล่าว อันจะส่งผลทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนได้
เครื่องหมายการค้าแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. เครื่องหมายการค้า เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น Adidas Nike Pepsi Sumsung iphone เป็นต้น
2. เครื่องหมายการบริการ เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับงานบริการ ตัวอย่างเช่น Grab AIS เป็นต้น
3. เครื่องหมายรับรอง เป็นเครื่องหมายที่เจ้าของใช้รับรองสินค้าหรือบริการของผู้อื่น เพื่อใช้รับรองแหล่งที่มา ส่วนประกอบ วิธีการผลิต คุณภาพของสินค้าหรือบริการนั้นว่าเป็นไปตามมาตราฐานตามเงื่อนไขของเครื่องหมายรับรองหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ตรามาตรฐานของ Halal ISO ,FDA หรือ มิชลินสตาร์ เป็นต้น
4. เครื่องหมายร่วม เป็นเครื่องหมายการค้าหรือบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Siam Cement Group (SCG) หรือ กลุ่ม Charoen Pokphand (CP)
สิทธิประโยชน์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
1.ได้รับการคุ้มครองสิทธิในเครื่องหมายนั้น กล่าวคือ ผู้อื่นไม่สามารถยื่นเรื่องขอใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับของคุณได้
2.ผู้ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าที่ตนจดทะเบียนไว้ กล่าวคือ หากมีผู้อื่นมาใช้เครื่องหมายที่คุณจดทะเบียนไว้ ผู้นั้นจะถือว่าละเมิดเครื่องหมายการค้าคุณ และคุณจะมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่ละเมิดได้
3.ปกป้องสิทธิของคุณในการทำการตลาดด้วยเครื่องหมายค้า
4.สามารถใช้เครื่องหมาย (R) เพื่อบ่งบอกว่าเครื่องหมายนี้ได้รับการจดทะเบียนตามกฏหมายแล้ว โดย R ย่อมาจากคำว่า Registered
5.ได้รับการคุ้มครองถึง 10 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุทุก ๆ 10 ปี ทำให้สิทธิของเจ้าของยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง
6.เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการใช้เครื่องหมาย โดยการให้เช่าสิทธิ์หรือการสร้างแฟรนไชส์ เพื่อต่อยอดธุรกิจได้
การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
กรณีคนไทย ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า มีเอกสารที่จำเป็น ดังต่อไปนี้
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ หนังสือรับรองนิติบุคคล 1 ฉบับ
2. รูปเครื่องหมายที่ขอจดทะเบียน ขนาด 5×5 เซนติเมตร 1 ฉบับ
3. เอกสารอธิบายลักษณะของสีที่ขอจดทะเบียนประกอบด้วยสีใดบ้าง และแต่ละสีจัดวางหรือจัดเรียงอยู่ในลักษณะใด
4. เอกสารอธิบายลักษณะของรูปร่างหรือรูปทรงของเครื่องหมายที่จะจดทะเบียน
กรณีชาวต่างชาติ ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า มีเอกสารที่จำเป็น ดังต่อไปนี้
1. ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง 1 ฉบับ
2. รูปเครื่องหมายที่ขอจดทะเบียน ขนาด 5×5 เซนติเมตร 1 ฉบับ
3. เอกสารอธิบายลักษณะของสีที่ขอจดทะเบียนประกอบด้วยสีใดบ้าง และแต่ละสีจัดวางหรือจัดเรียงอยู่ในลักษณะใด
4. เอกสารอธิบายลักษณะของรูปร่างหรือรูปทรงของเครื่องหมายที่จะจดทะเบียน
การละเมิดเครื่องหมายการค้า
กฎหมายให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วในการใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า การโอนเครื่องหมายการค้าให้แก่บุคคลอื่น และการกระทำการใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีบุคคลใด มาละเมิดสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ ดังนั้นหากมีผู้มาละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า ไม่ว่าจะเป็นการปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนสับสนหลงผิด เชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของบุคคลตน เจ้าของเครื่องหมายการค้าย่อมมีสิทธิสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดนั้นได้ ทั้งนี้ ในการปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วของบุคคลอื่นผู้กระทำความผิดจะต้องรับโทษทางอาญา กล่าวคือ
• ผู้กระทำความผิดฐานเลียนแบบเครื่องหมายการค้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
• กรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล กฎหมายกำหนดเอาผิดแก่กรรมการผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นๆ ด้วย เว้นแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามิได้รู้เห็นหรือยินยอมในการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน เจ้าของเครื่องหมายการค้าจะไม่สามารถดำเนินคดีแก่ผู้ปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าได้ เว้นแต่เป็นกรณีการลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
หลักกฏหมาย
พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534
มาตรา 108 บุคคลใดปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 109 บัญญัติว่า บุคคลใดเลียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 46 บุคคลใดจะฟ้องคดี เพื่อป้องกันสิทธิการละเมิดในเครื่องหมายการค้า ที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าวไม่ได้
ในกรณีที่มีผู้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า มีสิทธิฟ้องร้องและเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดีทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
เมื่อคุณทราบถึงการละเมิดเครื่องหมายการค้าของคุณแล้ว คุณมีสิทธิแจ้ง บอกกล่าว และตักเตือนไปยังผู้ละเมิดเครื่องหมายการค้า (ส่งโนติส) ให้หยุดการกระทำละเมิดเครื่องหมายการค้าได้ และอาจจะเรียกร้องค่าเสียหายไปด้วยก็ได้ แต่หากตักเตือนไปแล้ว ปรากฏว่า ผู้นั้นยังคงละเมิดอยู่ คงต้องใช้กระบวนการที่เด็ดขาด คือ การฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งต่อศาลทรัพย์สินทางปัญหาและการค้าระหว่างประเทศ
บริษัท พี.เจ. แอคเคาท์ติ้ง แอนด์ ลอว์เฟิร์ม จำกัด จึงขอนำเสนอบริการ ด้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือคุณตลอดกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การออกแบบเครื่องหมายการค้า การจองเครื่องหมายการค้า จนถึงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อป้องการการถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า และเพื่อไม่ให้โดน ลอกเลียนแบบแบรนด์ เพราะหากไม่ได้ทำตามกฎหมายอย่างถูกต้อง อาจจะได้รับความเสียหายต่อธุรกิจได้ และหากมีผู้ละเมิดเครื่องหมายการค้าของคุณ ทาง บริษัท พี.เจ. แอคเคาท์ติ้ง แอนด์ ลอว์เฟิร์ม จำกัด เรามีบริการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายแก่ผู้ที่กระทำละเมิดเพื่อชดเชยการเสียโอกาสและบรรเทาความเสียหายแก่เจ้าของธุรกิจ เพราะเราเข้าใจถึงปัญหาของคุณ
เราจึงมีความมั่นใจในการให้บริการที่มีคุณภาพ ถูกต้อง และน่าเชื่อถือ และเป็นระบบ เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการแก่คุณ พร้อมอำนวยความสะดวกเพื่อให้คุณได้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าหรือบริการของตน