การต่อสู้คดียึดรถในกรณีที่เกี่ยวข้องกับไฟแนนซ์หรือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ความระมัดระวังในการจัดเตรียมข้อต่อสู้ เนื่องจากกรณีนี้เกี่ยวข้องกับสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้เช่าซื้อ (ลูกหนี้) และบริษัทไฟแนนซ์ (เจ้าหนี้) โดยทั่วไป ข้อต่อสู้ที่สามารถนำมาใช้ได้ มีดังนี้
- การชำระเงินตามสัญญา
– การชำระเงินครบถ้วน หากลูกหนี้ได้ทำการชำระเงินครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อ หรือได้ชำระเงินที่ค้างชำระก่อนที่ไฟแนนซ์จะดำเนินการยึดรถ การยึดรถอาจเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
– การชำระเงินตามกำหนด ลูกหนี้สามารถแสดงหลักฐานการชำระเงินตามกำหนดหรือการชำระเงินที่ยังไม่ครบกำหนดซึ่งไฟแนนซ์อาจทำการยึดรถโดยไม่มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย
- ข้อบกพร่องในกระบวนการยึดรถ
– การแจ้งเตือนล่วงหน้าไม่ถูกต้อง หากไฟแนนซ์ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายในการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนการยึดรถ (เช่น ไม่ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือแจ้งเตือนไม่ตรงตามกำหนดเวลา) การยึดรถอาจถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
– การยึดรถโดยไม่มีคำสั่งศาล หากไฟแนนซ์ยึดรถโดยไม่มีคำสั่งศาลในกรณีที่เป็นข้อพิพาท การยึดรถนั้นอาจถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
- การแก้ไขสัญญา
– การเจรจาแก้ไขสัญญา หากมีการเจรจาแก้ไขสัญญาระหว่างลูกหนี้และไฟแนนซ์ เช่น การขยายเวลาชำระหนี้หรือการปรับเงื่อนไขการชำระเงิน หากไฟแนนซ์ยังคงยึดรถ การกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อเงื่อนไขที่ได้เจรจาและตกลงกันไว้
– การยอมรับการชำระหนี้ล่าช้า หากไฟแนนซ์เคยยอมรับการชำระหนี้ล่าช้าในอดีตโดยไม่มีการบังคับใช้มาตรการยึดรถ การยึดรถในภายหลังอาจถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
- การโต้แย้งเรื่องมูลค่าหนี้
– ความไม่ถูกต้องในการคำนวณหนี้ ลูกหนี้สามารถต่อสู้ว่ามูลค่าหนี้ที่ไฟแนนซ์อ้างนั้นไม่ถูกต้อง เช่น การคำนวณดอกเบี้ยที่เกินจริง หรือการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่ได้ระบุในสัญญา
– ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับดอกเบี้ยและค่าปรับ หากดอกเบี้ยหรือค่าปรับที่เรียกเก็บมีอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต การยึดรถเนื่องจากการไม่ชำระเงินส่วนนี้อาจถูกโต้แย้งได้
- การฟ้องร้องเพื่อชดใช้ความเสียหาย
– ความเสียหายที่เกิดจากการยึดรถไม่ถูกต้อง หากการยึดรถของไฟแนนซ์เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลูกหนี้สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการยึดรถ เช่น ค่าเสียโอกาสในการใช้รถ หรือความเสียหายที่เกิดจากการไม่สามารถใช้รถในการประกอบอาชีพ
- การปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
– การคุ้มครองสิทธิ์ของผู้บริโภค หากไฟแนนซ์ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในการดำเนินการยึดรถ เช่น ไม่แจ้งสิทธิ์ของลูกหนี้ในการโต้แย้งหรือเจรจาก่อนการยึดรถ การกระทำดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
การต่อสู้คดียึดรถต้องพิจารณาทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัญญาและการกระทำของไฟแนนซ์ หากคุณคิดว่าถูกยึดรถอย่างไม่เป็นธรรม การปรึกษาทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายเช่าซื้อและการเงินจะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมข้อต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
